[สุนทรพจน์] เยาวชนกับอนาคตการเมืองไทย [การเมืองใหม่ อนาคตใหม่ในมือของเยาวชน]

student-politicianแม้จะมีการปฏิรูปการเมืองและประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาเป็นเวลาพอสมควรแล้วหากจะพิจารณากันอย่างตรงไปตรงมา เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ภาพพจน์ทางการเมืองของไทยยังไม่ต่างไปจากเดิมมากนัก เรายังหาสุภาพบุรุษนักการเมืองได้ยากเหมือนเดิม เพราะยังมีพฤติกรรม การใส่ร้ายป้ายสี การใช้คำพูดเยาะเย้ยถากถางนักการเมืองคนอื่นๆ การตระบัดสัตย์ การทุจริตการเลือกตั้ง ปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงที่ยังแก้ไม่ตก ตลอดจนใช้การเมืองแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวเองและพวกพ้อง เหตุที่เป็นเช่นนี้ สาเหตุหนึ่งในหลายๆสาเหตุมาจาก ผู้มีสิทธิลงคะแนนส่วนหนึ่งยังไม่ไปทำหน้าที่ ทั้งไม่เข้าใจและไม่รู้จักใช้สิทธิของตนเองอย่างถูกต้อง กลายเป็นเรื่องถ่วงความเจริญของระบอบประชาธิปไตยอย่างน่าเสียดายเวลาและงบประมาณ

จากเหตุและผลที่กล่าวมานี้ ผู้ที่จะมีบทบาทผลักดันให้สถานการณ์เช่นนี้เปลี่ยนแปลงไป ก็คือ เยาวชน

นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่เยาวชนในปัจจุบันนี้ ได้รับการส่งเสริมในทุกด้านและที่รัฐบาลได้แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนที่สุดว่าได้ตระหนักถึงความสำคัญของเยาวชน ก็คือ การจัดตั้ง สภาเยาวชน และการจัดโครงการ “เยาวชนรุ่นใหม่ ใส่ใจบ้านเมือง”  ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 105 ก็บัญญัติให้ ผู้ที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เข้ามาเรียนรู้และมีส่วนร่วมทางการเมืองอันจะเป็นผลดีต่ออนาคตการเมืองไทย

ปัจจุบันเยาวชนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเมืองมากขึ้น ในโรงเรียนเองก็มีการเลือกตั้งหัวหน้าชั้น และกรรมการนักเรียน เพื่อส่งเสริมบรรยากาศทางการเมืองในโรงเรียนให้เข้มข้นขึ้นควรที่จะมีการจำลองเอารูปแบบรัฐสภาไทยไปใช้ในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาทุกโรงเรียน โดยมีอาจารย์คอยแนะนำให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดผลจริงเป็นรูปธรรม ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการทำงานเป็นทีมและสร้างผู้นำเยาวชนให้เกิดมากขึ้นในทุกพื้นที่ของประเทศ ทั้งปลูกฝังคุณธรรมทางการเมือง และสร้างจิตสำนึกทางการเมืองควบคู่กันไป ส่วนในระดับอุดมศึกษาที่องค์การนักศึกษาเป็นแหล่งรวมนักกิจกรรม สำคัญที่สุดคือการให้ความเป็นอิสระในการดำเนินงาน และน่าจะถึงเวลาที่องค์การนักศึกษาแต่ละมหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาคที่จะทำกิจกรรมเพื่อประสานความสัมพันธ์กับองค์การนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของประเทศเพื่อนบ้าน และต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง ก็คือ อย่าให้กิจกรรมนักศึกษากลายเป็นแหล่งบ่มเพาะการคอรัปชั่นในหมู่ปริญญาชน

เป็นที่หวังใจได้ว่า เมื่อเยาวชนเหล่านั้นเติบโตขึ้นและมีสิทธิออกเสียงทางการเมือง เขาจะทำให้การเมืองเป็นเรื่องที่ทุกคนฟังแล้วสบายใจ เป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจ เขาจะกลายเป็นน้ำใหม่ที่จะเข้ามาไล่น้ำเก่าที่ไม่พึงปรารถนาออกไป จึงสมควรอย่างยิ่งที่ผู้รักประชาธิปไตยทุกคนต้องให้ความสนใจ ตลอดจนสรรหาวิธีการและโอกาส ให้เยาวชนเหล่านั้นได้เรียนรู้และมีความเข้าใจเกี่ยวกับการเมืองอย่างถูกต้อง

เมื่อนั้น การเมืองไทย ก็จะพัฒนานำพาประเทศไทยไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเยี่ยงอารยะประเทศทั้งหลายสืบไป

หมายเหตุ : เขียนโดย : นายศักดิ์อนันต์ อนันตสุข เมื่อครั้งเป็นประธานนักเรียนโรงเรียนเบิดพิทยาสรรค์ และมีการแก้ไขเพิ่มเติม เผยแพร่เมื่อปี พ.ศ. 2543 เมื่อครั้งเป็นสมาชิกสภานักศึกษา (ส.ส.) คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอนำมาเผยแพร่ไว้ เพื่อประโยชน์สาธารณะและป้องกันไฟล์เดิมเสียหาย



Leave a Comment