ประวัติศาสตร์หงสาวดี ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาคอวสาน ตอน อวสานหงสา [เมืองหงสาวดี ปัจจุบัน]

Hongsha

หลังจากพระมหาอุปราชามังสามเกลียด แห่งหงสาวดี ยกทัพมาทำศึกกับพระนเรศวรแห่งอโยธยาและทรงสิ้นพระชนม์ชีพในการทำยุทธหัตถีกับสมเด็จพระนเรศวร อำนาจของหงสาวดีก็เริ่มเสื่อมถอยลง เนื่องจากเหล่าประเทศราชทั้งหลายได้เห็นว่า ดุลอำนาจแห่งดินแดนสุวรรณภูมิได้เปลี่ยนขั้วจากหงสาวดีไปสู่อโยธยา เรื่องราวที่ปรากฎในภาพยนตร์กับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ANANTASOOK จึงขอนำเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ มาเล่าสู่กันฟังครับ เพื่อเป็นความรู้และอรรถรสในการรับชมภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 6 อวสานหงสา

หลังจากสมเด็จพระนเรศวร ทรงชนะศึกยุทธหัตถีในปี พ.ศ. 2135 พระเจ้านันทบุเรง ทรงเสียพระทัยกับการสิ้นพระชนม์ของพระมหาอุปราชาเป็นอันมาก ได้ทำการสังหารแม่ทัพนายกองที่ร่วมทัพครานั้นเป็นอันมาก รวมถึงพระสุพรรณกัลยา พระพี่นางในสมเด็จพระนเรศวรด้วย และจากเหตุการณ์นี้ ก็มิได้ทรงแต่งตั้งพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่งที่เหลือขึ้นเป็นพระมหาอุปราชาพระองค์ใหม่ และทำให้เกิดปัญหาขึ้นในเวลาต่อมา

จากนั้นหงสาวดีก็เสียทวายและตะนาวศรีให้กับอโยธยา ครั้นถึงปี พ.ศ. 2137 หัวเมืองมอญภาคใต้คือ เมืองเมาะลำเลิงก่อกบฏ หงสาวดีให้ทัพตองอูไปปราบ ทางพญาพะโรเจ้าเมืองเมาะลำเลิงจึงขอให้อโยธยาช่วย พระนเรศวรจึงทรงโปรดให้พระยาศรีไสณรงค์ คุมทัพไปช่วยเมาะลำเลิง ทัพผสมอโยธยารามัญช่วยกันตึทัพตองอูแตกพ่าย จากนั้นหัวเมืองมอญภาคใต้ก็ย้ายข้างมาสวามิภักดิ์ต่ออยโธยา โดยพระยาศรีไสณรงค์ เป็นเจ้าเมือง (ปลายแผ่นดินพระนเรศวร ท่านผู้นี้เป็นกบฎต่ออยุธยา)

เมื่อได้หัวเมืองมอญแล้ว พระนเรศจึงทรงเห็นเป็นโอกาสที่จะยกทัพมาตีหงสาวดี โดยยกทัพมาถึงสองครั้ง ครั้งแรกเสด็จยกกองทัพหลวงไปตีเมืองหงสาวดี ในปี พ.ศ. 2138 ด้วยกำลังพล 120,000 คน โดยรวบรวมกองทัพมอญเข้ามาสมทบ จากนั้น ได้เสด็จยกทัพไปล้อมเมืองหงสาวดีไว้ ทัพอโยธยาล้อมเมืองอยู่ 3 เดือน และได้เข้าปล้นเมืองครั้งหนึ่ง แต่เข้าเมืองไม่ได้

เมื่อสมเด็จพระนเรศทรงทราบว่าพระเจ้าแปร พระเจ้าอังวะ พระเจ้าตองอู ได้ยกกองทัพลงมาช่วยพระเจ้าหงสาวดี ทรงเห็นว่าข้าศึกมีกำลังมากนัก จึงทรงให้เลิกทัพกลับ เมื่อวันสงกรานต์ เดือน 5 ปี พ.ศ. 2139 และได้กวาดต้อนครอบครัวในเขตหงสาวดี มาเป็นเชลยเป็นอันมาก โดยกองทัพหงสาวดีและพันธมิตรมิได้ยกติดตามมารบกวนแต่อย่างใด

แม้ศึกหงสาวดีครั้งแรก อโธยาจะตีหงสาวดีไม่ได้ แต่ได้กวาดต้อนผู้คนมายังพระนครเป็นอันมาก และได้สร้างความแตกแยกครั้งใหญ่ให้เกิดขึ้นในแผ่นดินหงสาวดี ระหว่าง (1) พระเจ้าอังวะ ซึ่งเป็นพระราชโอรสองค์ที่สามของพระเจ้านันทบุเรง (2) พระสังกะทัต กษัตริย์ตองอู ผู้เป็นพระราชนัดดาของพระเจ้านันทบุเรง ได้ยกทัพมาถึงก่อน (3) พระเจ้าแปร โอรสองค์รองของพระเจ้านันทบุเรง จึงทำให้พระเจ้านันทบุเรงไม่พอพระทัยพระเจ้าแปรที่ยกทัพมาล่าช้า ประกอบกับพระสังกะทัตกราบทูลยุยง พระองค์จึงทรงแต่งตั้งพระเจ้าอังวะเป็นพระมหาอุปราชาพระองค์ใหม่ ทำให้พระเจ้าแปรที่กำลังเสด็จนำทัพมา ไม่พอพระทัยเป็นอันมาก

นอกจากพระเจ้าแปรจะทรงโกรธพระราชบิดาแล้ว ยังโกรธพระสังกะทัตที่ไปสนับสนุนพระเจ้าอังวะซึ่งอ่อนอาวุโสกว่าพระองค์ด้วย จึงให้เบนเข็มนำทัพเข้าตีเมืองตองอูเพื่อแก้แค้นพระสังกะทัต ทว่าชาวตองอูป้องกันเมืองเข้มแข็ง ทัพแปรจึงตีเมืองไม่ได้ พระเจ้าแปรจึงยกทัพกลับและประกาศตนตั้งแข็งเมืองต่อหงสาวดี

ขณะเดียวทางเชียงใหม่ พระเจ้าเชียงใหม่มังนรธาสอกำลังมีปัญหากับล้านช้างที่เพิ่งตั้งตนเป็นเอกราชและทรงเห็นว่าหงสาวดีไม่อาจเป็นที่พึ่งต่อพระองค์ได้อีก จึงส่งราชทูตนำบรรณาการมาขอถวายสมเด็จพระนเรศและขอยอมเป็นเมืองประเทศราชอโยธยา ทำให้หงสาวดีต้องเข้าสู่ความแตกแยก โดยที่พระเจ้านันทบุเรงก็ทรงมิอาจแก้ไขอันใดได้

ต่อมาไม่นาน สมเด็จพระนเรศได้ทรงจัดทัพเพื่อเตรียมยกมาตีหงสาวดีเป็นครั้งที่สอง ในคราวนี้ พระสังกะทัต กษัตริย์ตองอูทรงวางแผนการคิดเป็นใหญ่ โดยทางหนึ่งก็ทำทีเป็นขอสวามิภักดิ์อโยธยา ขณะเดียวกันก็แอบร่วมมือกับพระเจ้ายะไข่ทำกลลวงพระเจ้านันทบุเรงว่า ตองอูและยะไข่จะยกมาช่วยป้องกันเมืองจากอโยธยา และได้สมคบคิดกับพระมหาอุปราชาพระองค์ใหม่เข้ายึดอำนาจในหงสาวดี กุมตัวพระเจ้านันทุบเรงไว้ จากนั้น พระสังกะทัตก็ลอบปลงพระชนม์พระมหาอุปราชา แล้วนำพระเจ้านันทบุเรงไปไว้ยังเมืองตองอู ส่วนเมืองหงสาวดีนั้น ถูกทัพยะไข่เผาจนสิ้นซาก ทำให้พระราชวังบุเรงนอง และเมืองหงสาวดี ที่ยิ่งใหญ่ ถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ

เมื่อสมเด็จพระนเรศได้ยกทัพมาถึงหงสาวดีและทรงทราบความทั้งหมด ก็ทรงพิโรธที่พระเจ้าตองอูใช้กลอุบายเช่นนี้ จึงทรงนำทัพไปล้อมตองอูไว้ใน ปี พ.ศ. 2142  นานถึงสองเดือนจนเสบียงขาดแคลนก็ไม่อาจตีเมืองได้ จึงต้องถอยทัพกลับ หลังจากอโยธยาถอยทัพกลับ บรรดาหัวเมืองมอญที่ยังภักดีต่อพระเจ้านันทบุเรงคิดเห็นว่า พระเจ้าตองอูคิดไม่ซื่อควบคุมพระเจ้านันทบุเรงไว้ จึงชวนกันระดมทัพมาตีตองอู พระสังกะทัตต้องใช้อุบายปลอมราชสาส์นพระเจ้านันทบุเรงว่ากล่าว จนหัวเมืองเหล่านั้นล่าถอยกลับไป

นักสร้าง ราชบุตร พระเจ้าตองอูเห็นว่า พระเจ้านันทบุเรงจะเป็นเหตุชักนำอันตรายมาสู่เมืองตองอู จึงแอบวางยาพิษปลงพระชนม์พระเจ้านันทบุเรง ทำให้พระเจ้าตองอู ซึ่งเดิมตั้งพระทัยว่าจะใช้พระเจ้านันทบุเรงเป็นหุ่นเชิดเพื่อควบคุมอาณาจักร แต่เมื่อการณ์แปรเปลี่ยนไปเช่นนั้น จึงทรงให้ปล่อยข่าวว่า พระเจ้านันทุบเรงประชวรและสวรรคต โดยก่อนสวรรคตได้ทรงมีพระราชโองการแต่งตั้ง พระเจ้าตองอู สังกะทัต ขึ้นเป็นพระเจ้าหงสาวดีสืบต่อ แต่หามีหัวเมืองใดเชื่อถือไม่

ยามนั้น เจ้านะยองยัน โอรสองค์สุดท้องของบุเรงนองได้ประทับอยู่ที่อังวะ ชาวเมืองเห็นว่าทรงเป็นโอรสของพระเจ้าสิบทิศบุเรงนองและอนุชาของพระเจ้านันทบุเรงจึงพากันนับถือและยกขึ้นเป็นพระเจ้าอังวะองค์ใหม่ ฝ่ายพระสังกะทัตเห็นว่า อังวะกำลังจะเป็นภัยจึงส่งคนถือสาส์นไปขอความร่วมมือกับพระเจ้าแปรให้ช่วยกันปราบอังวะ

พระเจ้าแปรเห็นพ้องด้วยจึงแต่งทัพหมายไปสมทบกับตองอู เพื่อตีอังวะ ทว่าก่อนจะเคลื่อนทัพ ชาวเมืองได้ก่อจลาจลขึ้น พระเจ้าแปรหนีพวกก่อจลาจลจนพลัดตกน้ำและจมน้ำสิ้นพระชนม์ ส่วนพระสังกะทัตเมื่อทราบว่า แปรเกิดความวุ่นวายจึงนำทัพเข้าตีอังวะหมายยึดเมือง แต่ไม่สำเร็จจึงถอยทัพกลับ

ในเวลานั้น พระเจ้าอังวะ นะยองยัน ได้หมายพระทัยจะสร้างความเป็นปึกแผ่นจึงนำทัพเข้าปราบปรามหัวเมืองไทใหญ่ต่างๆ และยกพลเลยมาถึงแสนหวี อันเป็นเมืองขึ้นของอโยธยา จนทำให้สมเด็จพระนเรศต้องยกทัพไปตีอังวะ (ศึกกับพม่าเป็นครั้งที่ 3) ในปี พ.ศ.2148 ทว่าเมื่อทัพอโยธยาไปถึงเมืองห้างหลวง สมเด็จพระนเรศวรก็ทรงประชวรและสวรรคตที่นั่น ทำให้อโยธยาต้องยกทัพกลับ ส่วนพระเจ้านะยองยันก็สวรรคตในปีเดียวกันนั้น ส่วนพระเจ้าตองอู สังกะทัต ต่อมาได้ขอสวามิภักดิ์ต่อพระเอกาทศรถ แต่ภายหลังได้ถูกโอรสของพระเจ้านะยองยันยกทัพมาปราบปราม โดยทัพอังวะได้ตีเมืองตองูแตกและจับพระสังกะทัตประหารชีวิตเสีย

ตัวอย่างตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาคอวสาน

วาทะเด็ดของพระนเรศวร ในตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 6 อวสานหงสา “ประพฤติ พระเจ้านันทบุเรง’ในครั้งนี้ !! ต้องได้รับผลกรรมตอบแทนให้สาสม ข้าจะกรีฑาทัพเข้าไปตีหงสาวดี จักเผาหงสาวดี…ใหัราบเป็นหน้ากลอง”

พระราชวังบุเรงนอง เมืองหงสาวดี 

เมืองหงสาวดี ประเทศเมียนมาร์ ปัจจุบัน

เรียบเรียงจาก
1. http://www.komkid.com/ประวัติศาสตร์สังคม/ชะตากรรมของหงสาวดี หลังศึกยุทธหัตถี
2. https://naresuan.wordpress.com



Leave a Comment