Anantasook.Com

วิธีเลือกซื้อรถยนต์มือสอง การตรวจสอบรถมือสอง การซื้อ-ขายรถมือสองสภาพเยี่ยม สบายใจไม่ย้อมแมว

การจะซื้อรถมือสองสักคัน เพื่อนๆ ต้องหาข้อมูลเยอะๆ ประกอบการตัดสินใจ เพราะขึ้นชื่อว่า ของมือสอง ย่อมมีคุณภาพเทียบเท่ารถมือหนึ่งหรือรถใหม่สภาพเยี่ยมไม่ได้ แต่ภายใต้งบประมาณที่จำกัด การซื้อรถมือสอง ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและสบายกระเป๋าที่สุด การเลือกรถมือสองที่ดีที่สุด คือ การหาผู้ที่เชี่ยวชาญดูรถเป็นช่วยตัดสินใจให้ หรือซื้อจากเจ้าของรถที่รู้จักกัน เต้นรถที่มีชื่อเสียงและไว้ใจได้  ANANTASOOK ขอแนะนำเคล็ดลับในการเลือกซื้อรถยนต์มือสอง เพื่อจะได้ไม่ต้องผิดหวังทีหลัง วิธีการตรวจสอบสภาพรถมือสอง มีดังนี้

1. ภายนอก
ดูสภาพรถรอบคัน ว่ามีรอยขูดขีด รอยเฉี่ยวชน รอยสีถลอก สีด่างด้าน รอยบุ๋มรักยิ้ม ตรงส่วนไหนบ้างหรือไม่ ตรวจสอบประตูหลัง ท้ายรถ ไฟหน้า ไฟท้าย ว่ารถเคยถูกชนหลังหรือไม่ และอุปกรณ์ทำงานได้อย่างดีหรือเปล่า

2. เครื่องยนต์
เปิดดูสภาพเครื่องยนต์ ว่ามีรอยน้ำมันเยิ้มไหลระหว่าง ฝาวาล์ว-ฝาสูบ-เสื้อสูบ-อ่างน้ำมันเครื่อง-ห้องเกียร์ หรือเปล่า บิดกุญแจสตาร์ทฟังเสียงเครื่องยนต์ว่า เดินเรียบหรือมีเสียงผิดปกติ เช่น เครื่องยนต์ดังแรงสลับเบา เสียงเขกของวาล์วหรือไม่

3. เชคช่วงล่าง
ตรวจสอบระบบช็อกอัพ ว่ามีการยุบและยืดดีหรือไม่ ด้วยการทดสอบออกแรงกดลงไปตรง ๆ บริเวณเหนือซุ้มทั้งสี่ล้อ ซึ่งจะสามารถทราบถึงสภาพการทำงานปกติ-ตาย หรือ ความอ่อน-แข็ง ของช็อกอัพได้

4. ภายใน
ดูสภาพรถภายในว่า มีรอย เปื้อน รอยคราบน้ำต่าง ๆ ตามหลังคา ข้างประตู รอยฉีกขาดของเบาะนั่ง รอยแตกปริของคอนโซลและพวงมาลัย หรือความเสียหายส่วนอื่น ๆ เช่น สิ่งอำนวยความสะดวกสบายในรถ อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่

5.ระบบไฟ
ตรวจสอบสภาพไฟส่องสว่างหน้า สูง-ต่ำ ไฟเลี้ยว ไฟเบรก ไฟฉุกเฉิน ไฟท้าย ไฟถอยหลัง ตลอดจนระบบไฟสัญญาณเตือนต่าง ๆ ที่หน้าปัดเกี่ยวกับอุปกรณ์ความปลอดภัย ว่าทำงานตามปกติหรือไม่ 

6. ระบบส่งกำลัง และเบรก
ทดลองขับรถ ดูจังหวะของการเปลี่ยนเกียร์ครบทุกตำแหน่ง มีอาการกระตุกและความสัมพันธ์ในการปรับเปลี่ยนของเกียร์ ตามความเร็วรอบของเครื่องยนต์หรือไม่ ทั้งเกียร์ M/T และ A/T ทดลองเบรกดูว่าสามารถหยุดได้ตามระยะที่ต้องการหรือไม่ แป้นเบรกอ่อนหรือแข็งเกินไปหรือไม่ ถ้ามีระบบ ABS BA หรือ EBD ยังทำงานปกติดีหรือไม่

7. อุปกรณ์เสริม
ถ้ามีอุปกรณ์เครื่องเล่นเสริม เช่น เพาเวอร์แอมพ์ CD DVD MP3 AUX USB ก็ทดสอบว่าทำงานได้ตามปกติหรือไม่ ถ้าเป็นรถติด gas ก็ต้องตรวจสอบสภาพถัง และชุดอุปกรณ์ในการติดตั้ง หรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เช่น ไฟตัดหมอก ก็ต้องทดสอบการใช้งานว่ายังใช้งานได้ตามปกติ

คำแนะนำเพิ่มเติม
1. ควรทดลองขับเพื่อเช็คสภาพรถให้แน่ใจว่ารถมือสองที่จะซื้อนั้นสามารถวิ่งบนท้องถนนได้ตามสมรรถนะของรถอย่างเต็มที่มากน้อยขนาดไหน โดยก่อนเริ่มขับรถให้หมุนพวงมาลัยซ้ายขวาดูความลื่นไหลของพวงมาลัย หลังจากนั้นให้ฟังเสียงเครื่องยนต์ขณะที่แล่นอยู่ ลองตรวจสอบระบบเบรกโดยการขับด้วยความเร็วระดับต่ำแล้วเหยียบเบรกดู ถ้าเกิดมีเสียงอะไรแปลก ๆ หรือมีอาการสั่นขณะที่เหยียบและเหวี่ยงไปมา แสดงว่าอุปกรณ์เสื่อมสภาพแล้ว หลังทดลองขับ ให้ตรวจสอบใต้ท้องรถอีกครั้ง ว่ามีรอยรั่วซึม หรือชำรุดที่ใต้ท้องรถหรือไม่

2. ตรวจสอบ เอกสารการซื้อขายรถ สมุดทะเบียนรถ book service สถานะ การครอบครองรถว่าติดไฟแนนซ์หรือไม่ หรือปลอดภาระ ผู้ขายเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ตามเล่มทะเบียนหรือโอนลอยมา จะมีผลต่อการซื้อขายรถ ตรวจดูพวกรหัสเครื่องยนต์ เลขทะเบียนรถด้วยว่าตรงกับหลักฐานของรถทุกประการหรือไม่

3. การตั้งราคารถ เลขไมล์ อุปกรณ์เสริม อุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมจากสแตนดาร์ด อาทิ อุปกรณ์แก๊ส อุปกรณ์เครื่องเสียง แอโรพาร์ท และ book service เลขไมล์รถ ไม่มีผลต่อราคาตั้งขาย แต่จะมีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกซื้อเท่านั้น การวิ่งน้อยหรือมากจะยึดถือมาตรฐานค่าเฉลี่ยประมาณปีละ 20,000 กิโลเมตร เป็นเกณฑ์  ในส่วนของการประเมินราคาอุปกรณ์เสริมจะกำหนดให้ได้ไม่เกิน 10,000 บาท เท่านั้น

4. เมื่อตัดสินใจที่จะซื้อรถจากศูนย์หรือบุคคลนั้นๆ แล้ว ก็อาจต่อรองราคาที่ต่ำกว่าราคาขายเริ่มต้นได้หากว่าสภาพรถดูแย่กว่าที่ประกาศขายในตอนแรก ที่สำคัญเมื่อทำการชำระเงินกับผู้ขายแล้ว ต้องเก็บใบเสร็จรับเงินเอาไว้ด้วย

เรียบเรียงจาก
1. http://www.taladrod.com/w20/Ravipol/CarInspec.aspx
2. http://car.kapook.com/view68690.html

Exit mobile version